ในระยะเริ่มแรกของการระบาดมีความคาดหวังอย่างมากว่าปรากฏการณ์ WFH จะช่วยผ่อนคลายความเครียดทั้งหมดที่มาพร้อมกับการทำงานในออฟฟิศได้ ความคาดหวังที่จะได้เป็นอิสระจากความเครียดต่าง ๆ อย่างการเดินทางในชีวิตประจำวัน การทำงานจากบ้านดูเหมือนว่าจะเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบ ในช่วงแรกจะเห็นว่าผลิตภาพของการทำงานได้เพิ่มขึ้น และสำหรับคนที่ทำงานท่ามกลางสภาพแวดล้อมในออฟฟิศที่ Toxic ก็เป็นเหมือนโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานที่สร้างความรู้สึกให้เรารู้สึกว่าถูกโจมตีตลอดเวลา
แต่แล้วความจริงก็ปรากฏ เมื่อนโยบายที่เริ่มต้นจากแนวโน้มที่ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวและมีประสิทธิผลมากขึ้นท่ามกลางการหยุดชะงักของระบบเศรษฐกิจได้กลายเป็นตอนหนึ่งของราย การเอาชีวิตรอดบนเกาะ ด้วยความเครียดจากการระบาดครั้งใหม่เข้ามาแทนที่ความเครียดเก่าๆ ที่เราเคยสัมผัสจากสภาพแวดล้อมในออฟฟิศ เครื่องมือที่เราใช้เพื่อเชื่อมต่อกันในการทำงานได้สร้างปัญหามากพอๆ กับปัญหาที่มันแก้ พนักงานกลุ่มเล็ก ๆ ที่แตกออกเป็นกลุ่มการทำงานเพื่อทำลายกันและกัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ทีมไม่ได้ประโยชน์จากการ WFH แล้วประสบการณ์การทำงานร่วมกันผ่านระบบ Virtual ยังทำให้ปัญหาที่มีอยู่ขยายใหญ่ขึ้นเมื่อต้องมีการเปลี่ยนทีมระหว่างการทำงาน เพราะข้อจำกัดทางสังคมและเศรษฐกิจ ที่กระตุ้นให้การทำงานนอกออฟฟิศนั้นยืดระยะเวลาไปไกลกว่าที่ใครจะคาดหวังไว้ รอยร้าวและความเครียดก็ปรากฏให้เห็นชัดมากยิ่งขึ้น
การ WFH จะไม่ช่วยอะไรตราบเท่าที่องค์กรยังมีวัฒนธรรมที่เป็นพิษอยู่ ไม่ว่าจะเกิดจากการที่สมาชิกในทีมไม่ไว้ใจกัน ขาดการสนทนาแบบเปิดเผย แม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาทำงานร่วมกันในออฟฟิศ แต่ก็มักจะมีการเสียดสีกันไปมาอยู่ทุกหนทุกแห่ง จนเริ่มทำให้ทีมเบื่อหน่ายและหมดพลังกับการวางแผนและแก้ปัญหา ส่งผลให้งานไม่เสร็จตามเวลา และทำให้ทีมไม่มีความคืบหน้าไปไหนเลย Toxic Workplace ได้ปรากฏให้เห็นในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
- Passive-aggressive หรือ การสื่อสารแบบก้าวร้าว (ไม่ว่าจะมาจากทางอีเมล ข้อความ หรือการประชุมในรูปแบบวิดีโอ)
- Leaders ที่เข้ามารับหน้าทุกครั้งที่ทีมประสบความสำเร็จ และละทิ้งหน้าที่และบทบาทเมื่อสังเกตเห็นความผิดพลาด
- การตั้งกลุ่มย่อยเพื่อแยกสมาชิกในทีมบางคนออกจากบทสนทนาที่สำคัญ
- การขาดความสมดุลจากความต้องการและความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นในที่ทำงาน
วิธีการแก้ปัญหาสำหรับ Toxic Workplace ในรูปแบบ Virtual อาจจะมีความง่ายหรือยากกว่าการที่ทุกคนต้องเข้ามาเจอกันในออฟฟิศ ซึ่ง LHH Thailand ขอนำเสนอ 4 วิธีการจัดการ Toxic workplace เพื่อให้องค์กรสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ในทุกสภาวะที่เกิดขึ้น
- มีปฏิสัมพันธ์ให้มากขึ้นกับทีม
การทำงานแบบ Virtual ไม่ควรหมายความว่าเราต้องติดต่อกันน้อยลง บนโลกอินเตอร์เน็ต ผู้นำต้องเชื่อมต่อกับสมาชิกคนสำคัญในทีมแบบตัวต่อตัวเพื่อตรวจสอบว่ามีปัญหาอะไรบ้าง และปัญหานั้นต้องได้รับการแก้ไขด้วยความถี่ที่สูงขึ้น พยายามมีช่วงเวลาดี ๆ กับสมาชิกหลักในทีมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ต่อครั้ง และกับทั้งทีมอย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน ทำให้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมทีม ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของวาระการประชุมทุกครั้งที่คุณมีการประชุมเสมือนจริง
- สร้างความเชื่อใจในระดับส่วนบุคคล
สมาชิกในทีมต้องรู้ทำงานกับใครบ้าง และมันเป็นเรื่องสำคัญที่จะจัดสรรเวลาให้ทีมเข้ามาแบ่งปันรายละเอียดส่วนบุคคลให้แก่กันและกัน เช่นใครมีลูกที่ home schooling บ้าง และคนในทีมมีใครในบ้านที่ต้อง WFH เหมือนกันไหม หรืออาจจะถามว่าผู้อาวุโสในบ้านเป็นยังไงบ้าง และพวกเขามีปัญหาสุขภาพอะไรที่ต้องเผชิญอยู่ไหม สิ่งนี้อาจดูเหมือนรายละเอียดธรรมดาทั่วไปแต่ การแบ่งปันเรื่องส่วนตัวสร้างความเชื่อใจที่นำไปสู่ความขัดแย้งส่วนบุคคลที่น้อยลงและช่วยให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น
- ให้ทีมแก้ปัญหาอย่างอิสระ
ต้องทำให้ชัดเจนว่าทีมต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหา โดยที่ผู้นำทีมสามารถเข้ามาดูแลและให้ฟีดแบค แต่มันเป็นสิ่งสำคัญที่ทีมของคุณต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเอง ทีมที่เข้ามาขอความช่วยเหลือในทันทีจากผู้นำให้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งหรือเลือกทางแก้ปัญหาที่หลากหลายคือทีมที่มีความผิดปกติ การแก้ปัญหาได้อย่างอิสระคือจุดเด่นของทีมที่ดี
- สร้างสภาพแวดล้อมให้ทีมกล้าพูดปัญหาออกมาโดยที่ไม่ต้องกลัวการถูกตำหนิ
ทีมที่ดีจะไม่ซ่อนตัวจากความล้มเหลวหรือข้อบกพร่อง แต่การที่จะเผยแพร่ปัญหาต่าง ๆ ต้องทำในที่ที่คุณสามารถพูดถึงปัญหาได้อย่างเปิดเผย โดยไม่ต้องกลัวการตอบโต้จากเพื่อนร่วมงาน ซึ่งสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้จากการคุยส่วนบุคคล แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้นำทีมต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับสมาชิกในทีมในการพูดคุยถึงปัญหาได้อย่างเปิดเผย ให้จัดสรรเวลาในทุกการประชุมเพื่อหารือกันโดยเฉพาะในเรื่องข้อความล้มเหลว หรือข้อผิดพลาดต่าง ๆ และพูดถึงว่าควรจะจัดการกับปัญหานั้นอย่างไรให้ดียิ่งขึ้น ทีมที่มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงคือทีมที่ทุกคนสามารถหารือถึงความผิดพลาดของแต่ละคนได้โดยปราศจากความกลัวในการหมิ่นประมาทหรือความอับอาย
ในโลกของการทำงานที่มีความวุ่นวาย ที่เราได้ค้นพบตัวเองว่าทีมส่วนใหญ่ต้องการความพยายามอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างความสัมพันธ์ส่วนบุคลลที่ดีเพราะนั่นเป็นรากฐานของทุกทีมที่มีความเยี่ยมยอด
ที่มา: Why the Work-from-Home Model Won’t Fix a Toxic Workplace
LinkedIn: LHH Thailand
Facebook: LHH Thailand
บริการ Organization Development และ Team Development: 022586930-35