คนที่ผ่าน Outplacement Service คือคนที่พ้นสภาพการว่าจ้างแบบมีเงื่อนไขโดยได้รับเงินชดเชย และอาจจะมีทั้งเป็นคนที่เลือกเอง หรือความจำเป็นที่ต้องยอมรับ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด บริษัทที่คำนึงถึงความดีความชอบของลูกจ้างและยังคงให้ความช่วยเหลือสนับสนุนลูกจ้างที่พ้นสภาพการจ้างแล้วจึงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือของนายจ้างให้กับลูกจ้าง และยังสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
จากประสบการณ์ของบริษัทที่ให้บริการ Outplacement ส่วนใหญ่ลูกจ้างไม่รู้จักบริการด้านนี้มาก่อน จึงค่อนข้างมีความจำเป็นที่ให้เจ้าหน้าที่บริษัทให้บริการด้านนี้ได้มีโอกาสอธิบายขั้นตอนและกระบวนการที่ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ รวมทั้งปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด โดยมีที่ปรึกษาที่มีความชำนาญเพื่อช่วยเหลือให้ตรงกับเป้าหมายใหม่ในด้านอาชีพ และเมื่อลูกจ้างได้รับทราบข้อมูลและได้มีโอกาสเข้ารับการปรึกษา ส่วนใหญ่จะบอกมาในแนวเดียวกันว่าเหมือนเป็นการเปิดโลก ได้เรียนรู้ศักยภาพ ความสามารถและทักษะที่สั่งสมมาได้ชัดเจน เพิ่มความมั่นใจ และเข้าใจแนวโน้มตลาดแรงงานอย่างชัดเจน รวมไปถึงการต่อรองเงินเดือน การจัดการอย่างเป็นขั้นตอน
การให้ความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาและบริการอื่น ๆ ของบริษัทเหล่านี้ ช่วยให้การหางานได้เร็วขึ้น ตรงกับความต้องการมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานในสายอาชีพเดิม หรืองานในสายอาชีพเดิมแต่เปลี่ยนอุตสาหกรรม หรือเปลี่ยนทั้งสายอาชีพและอุตสาหกรรมไปเลยก็ตาม
คนส่วนใหญ่ที่เข้ารับบริการด้านนี้ ประสบความสำเร็จในการหางานได้งานที่ดีขึ้น ในบริษัทชั้นนำที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และลดความกังวลใจในการหางาน หัวข้อที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ผู้สำเร็จได้ให้ความคิดเห็นไว้
- สร้างทัศนคติบวก (Positive mindset) หลายคนบอกว่าการให้คำปรึกษาช่วยเปลี่ยนทัศนคติลบให้ดีขึ้น เพราะลูกจ้างส่วนใหญ่ยังคงมีความไม่พอใจต่อนายจ้างอยู่มากทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะได้งานใหม่ เพราะความจำเป็นภาระที่ต้องดูแล ที่ปรึกษาจะช่วยให้ลูกจ้างเข้าใจในสภาวะทางอารมณ์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ช่วยแนะนำวางแผนในเรื่องที่มีความจำเป็นสูงสุด เช่น การเงิน ระยะเวลาแต่ละขั้นตอนของการหางาน ข้อดีของการเปลี่ยนแปลง และความจำเป็นของการปรับเปลี่ยนในองค์กร รวมทั้งจะบอกครอบครัวและคนอื่นอย่างไรกับสถานการณ์เหล่านี้ และควรจะทำตัวอย่างไรในระหว่างเวลาที่หางาน (Transition period) และเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างเจ็บปวดน้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
- สร้างความเข้าใจแนวโน้มการหางานที่เป็นปัจจุบัน (Recruitment Trend) ลูกจ้างที่เข้ารับการอบรมส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างที่อยู่ที่บริษัทเดิมและไม่ได้มีโอกาสหางานมาก่อนหน้านี้เป็นระยะเวลาหนึ่งพอสมควร ก็จะไม่ทราบว่าปัจจุบันมีการใช้ AI ในการคัดกรอง resume ขั้นตอนการพิจารณา resume ของ HR หรือ Recruiter การได้รับโอกาสสัมภาษณ์งาน Interview Opportunity และการเตรียมตัวการสัมภาษณ์งาน รวมทั้งการสร้างตัวตนในสายอาชีพบนโซเชียลมีเดีย เช่น LinkedIn หรือ Facebook ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่ปรึกษามีความชำนาญที่จะช่วยให้พนักงานวางแผนการหางานได้ดียิ่ง ๆ ขึ้น
- กำหนดเป้าหมายใหม่ในอาชีพในอนาคต (Set new future career objective) หลายคนมากที่บอกว่ายังคิดไม่ออก ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ดี หรือแม้กระทั่งงานที่ทำอยู่ในบริษัทก่อนหน้านี้ ทำเยอะมากแต่ไม่มีความชำนาญอย่างจริงจัง เกิดความสับสน แต่ก็มีอีกหลายคนที่มั่นใจว่าจะเลือกสายอาชีพอะไร และเป็นโอกาสที่จะมองหาตำแหน่งที่สูงขึ้น กระบวนการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกจ้างเข้าใจตัวตน ความชำนาญ ทักษะ สมรรถนะและศักยภาพของตัวเองผ่านแบบทดสอบหลากหลายที่ช่วยให้พนักงานมองเห็นแนวทางในอาชีพใหม่ และในปัจจุบันมีแนวโน้มที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นในตลาดแรงงาน คือทักษะที่เคยทำมาอย่างเชี่ยวชาญไม่ได้เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานอีกแล้ว จึงรู้สึกเหมือนสิ้นหวัง ดังนั้นการกำหนดเป้าหมายจากการประเมินตัวตน ช่วยให้กำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น เปลี่ยนอุตสาหกรรม หรือเรียนรู้เพิ่มเติมต่อยอดเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและสามารถหางานในอุตสาหกรรมเดิมได้แต่ปรับหน้าที่
- การสร้างแบรนด์ (Branding) ผ่านการเขียน resume ด้วยการสร้างความประทับใจให้ผู้คัดเลือกได้เห็นความสามารถที่ผ่านมา ทักษะเฉพาะ ความชำนาญที่ถ่ายทอดได้ ในรูปแบบเฉพาะตัว และเป็นการเตรียมตัวเพื่อการสัมภาษณ์ตั้งแต่การเขียน resume เชื่อว่า 97% ของผู้ที่ได้เข้ารับการอบรมยอมรับว่าเป็น Resume ที่ดีที่สุดที่เคยเขียนมา และมีความเข้าใจหลักการและขั้นตอนในการเขียน Resume ได้ดียิ่งขึ้น
- การสร้างตัวตนบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก (Social Networking) นอกจากจะเรียนรู้แหล่งรวมของคนที่มีความสามารถสูง ๆ ยังได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายในระดับบริษัท ภูมิภาค และระดับโลกได้ การรับรู้ข่าวสาร ข้อมูลในเชิงวิชาการ ปฏิบัติการ แนวโน้มของอุตสาหกรรม รวมทั้งเข้าร่วมสัมมนาในระดับสากลได้อีกด้วย LinkedIn จึงเป็นแหล่งและเป็นตลาดคนที่มีความสามารถหลากหลายให้ HR และ Recruiter รวมทั้งคนที่ต้องการหาแนวคิด หรือร่วมแบ่งปันข้อมูล ความรู้ที่น่าสนใจสำหรับคนอื่นได้อีกด้วย การสร้าง Profile จึงต้องน่าสนใจด้วยอีกเช่นกัน
- การกำหนดกลยุทธ์ในการหางาน (Marketing Plan) เพื่อช่วยในการกำหนดทิศทาง ลักษณะงาน อุตสาหกรรม และบริษัทเป้าหมายอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อช่วยในการหางานได้ในทุกช่องทาง รวมทั้งเครือข่ายอีกด้วย บริษัทให้บริการจะมีความชำนาญช่วยหาแหล่งตลาดแรงงาน หรือช่วยส่งต่อ Resume ให้กับพันธมิตรอีกด้วยเป็นการให้คำแนะนำและช่วยเหลือด้าน Job Searching ให้อีกทางหนึ่ง ส่วนใหญ่จะบอกว่าไม่เคยรู้จักแหล่งงานนั้น ๆ มาก่อนเลย หรือไม่รู้ว่าขั้นตอนการสมัครงานมีความซับซ้อนและต้องให้ข้อมูลเยอะมาก
- การสัมภาษณ์งาน (Interview and preparation) เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่กังวลที่สุด การให้ความช่วยเหลือ การเตรียมตัวและการฝึกซ้อมจึงเป็นการช่วยเหลือที่คนส่วนใหญ่ต้องการที่สุด นอกจากนั้น การแนะนำเคล็ดลับ ข้อควรทำและไม่ทำก็เป็นสิ่งสำคัญ การติดตามผลและการต่อรองเงินเดือน ช่วยสร้างความมั่นใจ รวมทั้งการจัดการอารมณ์เมื่อผิดหวังจากการไม่ได้รับเลือกในขั้นตอนถัดไป
- การให้ความสนับสนุน (Support) บริษัทที่ให้บริการให้การสนับสนุนในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเสมือนออฟฟิศส่วนตัว การให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด การช่วยเหลือการนัดหมาย การช่วยหางานเบื้องต้น และในเครือข่ายของบริษัท และส่วนใหญ่จะมี Online support ทั้งในด้านข้อมูลในการหางาน การประเมินตน บททดสอบต่าง ๆ และฟรีสัมมนา ซึ่งลูกจ้างสามารถใช้เวลาส่วนตัวในการหาข้อมูลเพิ่มเติม
- ได้งานใหม่ (Landing a Better job) 80% ลูกจ้างได้งานใหม่ในระยะเวลาที่เข้ารับการอบรม และสามารถได้งานตรงตามเป้าหมาย ได้เงินเดือนตรงตามที่กำหนด กับบริษัทเป้าหมาย แม้จะผ่านการสมัคร สัมภาษณ์ หลายครั้งมาก บริษัทให้บริการช่วยให้ลูกจ้างได้วางแผนการทำงาน การปรับตัวในระยะ 90 วันอีกด้วย
ขั้นตอนเหล่านี้สร้างความสำเร็จให้ผู้เข้าอบรมมาแล้วและเป็นสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นรับรู้ได้ว่า การจัดการที่มีขั้นตอน ครบทั้งกระบวนการทำให้สร้างความมั่นใจ และพร้อมที่จะลงสนามอีกครั้งไม่ว่าจะหนักก็มีความพร้อมและที่สำคัญยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น และถ้าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้อย่างมีสติและมั่นคงมากยิ่งขึ้น