สิ่งที่น่าแปลกในเรียนการสอนในระดับวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยคือไม่มีการเตรียมตัวนักศึกษาในการเขียน Resume หรือการสัมภาษณ์ การเขียน Resume จึงเป็นการคัดลอกจาก Resume ตัวอย่างที่หามาได้และเลือกประโยคที่ชอบและคิดว่าใกล้เคียงกับตัวเอง ใส่ประสบการณ์ที่มีอยู่น้อยนิดซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเห็นเป็นคำซ้ำ ๆ ประโยคซ้ำ ๆ แต่ในปัจจุบันในโรงเรียน วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมีการสอนทำ Portfolio ซึ่งก็ยังไม่ใช่ Resume
หลังจากมีประสบการณ์จากการทำงานแล้ว เมื่อต้องการเปลี่ยนงาน ก็เขียน Resume จาก Job Description เพื่อทำให้ดูว่ามีประสบการณ์เฉพาะด้านมากขึ้น หรือจ้างเขียนเลย หรือเลือกแบบที่สวยงาม ใช้กราฟฟิคเพื่อทำให้โดดเด่น แต่รูปแบบการเขียนก็ยังคงเป็นการคัดลอกคำหรือประโยคที่โดดเด่น โดยไม่มีความเข้าใจโครงสร้างการเขียน Resume อย่างแท้จริง
การใช้บริการของ Outplacement จึงแตกต่างจากการเขียน Resume จากการคัดลอกโดยสิ้นเชิง เพราะขั้นตอนการเขียนไม่ได้แค่ทำให้ Resume โดดเด่น แต่เป็นการเตรียมตัวเพื่อการสัมภาษณ์ สร้างความเข้าใจกระบวนการสรรหาบุคคล และทำให้การสมัครงานออนไลน์มีประสิทธิภาพมากกว่า รวมทั้งได้การยอมรับจากผู้ว่าจ้างได้มากกว่า
บริษัทที่ให้บริการ Outplacement มีความชำนาญมากกว่า จากประสบการณ์ที่ทำงานร่วมกับลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างเป็นกว่าแสนคน เป็นระยะเวลากว่า 20 ปีผ่านการสำรวจความต้องการทั้งตัวผู้สมัคร ผู้ว่าจ้าง และบริษัทจัดหางานอย่างสม่ำเสมอ มีความเข้าใจแนวโน้มของขั้นตอนและกระบวนการสรรหาบุคคล รวมทั้งตลาดแรงงานเป็นอย่างดี จึงมีการปรับทั้งกระบวนการเขียน Resume และขั้นตอนการหางานจึงตรงกับแนวโน้มการสรรหาและความต้องการของผู้ว่าจ้างมากกว่าคนอื่น ๆ
การสมัครงานในปัจจุบันจึงไม่ใช่แค่การเขียน Resume ส่งออก แล้วนั่งรอให้ถูกเรียกสัมภาษณ์อีกต่อไป แต่เป็นการวางกลยุทธ์การหางาน วางแผนขั้นตอนการหางาน กำหนดเป้าหมายในอาชีพไม่ว่าจะเป็นการเติบโตในสายอาชีพเดิม การเปลี่ยนลักษณะงาน การเปลี่ยนอุตสาหกรรม หรือการกำหนดกลุ่มบริษัทเป้าหมาย กำหนดรายได้ รวมทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการหางาน อาจจถือเป็นการทำโปรเจ็คหนึ่งเลยก็ได้
หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในกระบวนการสรรหาบุคคลคือ การเขียน Resume มีคนกล่าวไว้ว่า Resume คือประตูเปิดออกเพื่อโอกาสในการสัมภาษณ์ ดังนั้นการเขียน Resume จึงเป็นก้าวแรกของการเดินทางไปสู่อาชีพในอนาคต
การเขียน Resume จึงมีการกำหนด DOs & DON’Ts ไว้ค่อนข้างหลากหลายและแตกต่างกันจนไม่รู้ว่าแบบไหนคือดีที่สุด หรือเป็นที่ต้องการที่สุด
การเขียน Resume โดย Outplacement จึงเป็นการสรุปประวัติการทำงานที่มีคุณค่าทั้งของตัวผู้สมัครและการนำไปใช้ต่อยอดใน 7 ตำแหน่งงานในอนาคตที่ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการมากที่สุด ดังนั้นการเขียนประวัติการทำงานจากการแนะนำของบริษัท Outplacement จึงเน้นความเป็นตัวตนของผู้สมัครไม่ต้องการให้ผู้เขียน ๆ ในสิ่งที่เกินความเป็นจริง เป็นการ Branding ตัวตนผ่านการประสบการณ์การทำงาน ความถนัด ความโดดเด่น ทักษะและความสามารถที่ผู้เขียนเล็งเห็นว่าตรงกับเป้าหมายงานที่กำหนดไว้ในอนาคต
การเขียน Resume โดย Outplacement จึงผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์จากประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้อย่างมีนัยยะสำคัญตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน บวกกับข้อมูลจากการสำรวจจากผู้ประกอบการ บริษัทจัดหางาน และแนวโน้มของกระบวนการสรรหาบุคคล ในระดับโลก ปรับให้เหมาะสมกับตลาดในแต่ละภาคและประเทศ เพื่อความเหมาะสม ส่งผลให้ผู้สมัครมีโอกาสมากขึ้น โดยคำนึงถึง
- รูปแบบ Format ของ Resume เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ทั้งของผู้สมัครและผู้ประกอบการ
- ข้อมูลส่วนตัวจำเป็นที่ต้องมีใน Resume
- เขียนอย่างไร เพื่อให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าหน้าที่สรรหาบุคคลสนใจ Resume ในเวลาไม่ถึง 1 นาที
- Branding ตัวตนผ่าน resume เพื่อเน้นย้ำความรู้ความสามารถ ทักษะ
- การเน้นประสบการณ์เฉพาะบางอย่างที่ทำให้ผู้สมัครมีความโดดเด่นกว่าผู้สมัครอื่น ๆ เช่นประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ การร่วมทำงานโปรเจ็ค
- การใช้ Keywords ให้เหมาะสม
- เขียนทักษะเฉพาะจากการสร้างความเข้าใจตัวตนโดยผ่านการประเมินตนทั้งจากการพูดคุย และโปรแกรมการประเมินตนเชิงจิตวิทยา
- วิธีการเขียนให้ถูกต้องตามไวยกรณ์
- วิธีการเขียนให้ชัดเจน กระชับ และโดดเด่น
- สิ่งที่ไม่ควรใส่ใน Resume ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่พิจารณา และไม่ให้โอกาสในการสัมภาษณ์
- ความยาวของ Resume
- เลี่ยงใช้คำ Jargon ที่คนอื่นเข้าใจยาก
- การเขียนที่ทำให้ HR เข้าใจเพราะ HR เป็นคนแรกที่ได้อ่าน Resume และเป็นผู้ที่สรรหาและคัดเลือกเพื่อการสัมภาษณ์แบบคัดกรอง
- การตรวจทาน ต้องไม่มีข้อผิดพลาด
- การให้ความคิดเห็นและคำแนะนำ และการตรวจทานโดยที่ปรึกษาที่มีความชำนาญเฉพาะบุคคลจึงตรงกับความสามารถของผู้สมัครมากที่สุด
- การปรับ Resume ในการสมัครงานในแต่ละครั้ง
จะเห็นได้ว่าการกำหนดทั้งรูปแบบการเขียน วิธีการเขียนและการนำเสนอจึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นการเปิดประตูไปสู่โอกาสที่มากยิ่งขึ้น และตรงกับกลไกลของกระบวนการการคัดเลือกบุคคลให้เหมาะสมที่สุด เพราะจากการประเมินกระบวนการสรรหาเป็นการที่ใช้ค่าใช้จ่ายในการสรรหาต่อ 1 คนค่อนข้างสูงและถ้าผ่านกระบวนการสรรหาแล้ว ไม่สามารถทำงานได้ตามที่กำหนดยิ่งเป็นภาระต่อองค์กร และเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นอีกด้วย
กระบวนการสรรหาบุคคลในปัจจุบันจึงเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพราะ
- ผู้สมัครมีมากกว่าตำแหน่งว่าง จากสถิติเชื่อว่า งาน 1 ตำแหน่งมีผู้สมัครถึง 250 คน
- การใช้ AI มาคัดกรอง Resume ซึ่งโดยส่วนใหญ่ AI จะคัดใบสมัครที่ตรงตามความต้องการที่ 80% ขึ้นไป
- รูปแบบของ Resume ก็มีส่วนที่ทำให้การเข้าถึงของ AI ที่มีขีดจำกัดทำให้ข้อมูลบางส่วน AI ไม่สามารถเข้าถึงได้
- การเขียน Resume ที่ไม่ดึงดูด HR หรือ Hiring Manager
- ข้อมูลไม่จำเป็นเช่นอายุ ก็มีผลต่อการคัดกรอง
- ความต้องการเฉพาะที่แม้แต่ Job Description ไม่ได้บอกไว้ แต่สามารถช่วยทำให้ผู้สมัครมีความโดดเด่น หรือถูกคัดออกจากการข้อมูลใน Resume
การให้คำแนะนำจากบริษัท Outplacement จึงเป็นการช่วยให้ผู้สมัครมีโอกาสในการรับเลือกสูงขึ้น มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และได้งานตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งงาน อุตสาหกรรม เงินเดือนและเวลามี่เริ่มงานใหม่