เมื่อบริษัทมีความจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงานไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ซึ่งอาจจะเป็นการปรับโครงสร้าง เปลี่ยนกระบวนการการผลิตหรือการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ หรืออื่น ๆ ก็ตาม บริษัทจำเป็นต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าชดเชย ค่าดำเนินการและอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้การบอกเลิกจ้างเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด แต่บางครั้งบริษัทก็อาจจะไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างหลังจากนั้นในระยะยาว หรือก็ไม่ทราบว่ามีบริษัทที่ให้บริการ Outplacement ที่ให้ความช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้น หรืออาจจะคิดว่าควรจะลงทุนให้กับพนักงานเหล่านั้นอีกหรือไม่ เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทอีกต่อไปแล้ว ค่าใช้จ่ายบริการ Outplacement ก็อาจจะสูงและจะคุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปมั๊ย และพวกเขาเหล่านั้นจะได้งานมั๊ย
เป้าหมายสูงสุดของบริษัทที่ให้บริการ Outplacement คือช่วยให้ลูกค้าซึ่งก็คือพนักงานที่มีผลกระทบจากการเลิกจ้างได้งานที่เหมาะกับคุณสมบัติและประสบการณ์ที่มี ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะได้ตำแหน่งที่สูงกว่าและเงินเดือนก็สูงกว่าอีกด้วย เพราะการให้บริการนอกจากจะช่วยให้ลูกค้ามีความเข้าใจในขั้นตอนการหางานในปัจจุบันแล้วยังช่วยสร้างความมั่นใจให้พวกเขาเหล่านั้นอีกด้วย ซึ่งก็น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทเช่นกัน
ประโยชน์ในการจัดบริการด้าน Outplacement ให้กับพนักงงานที่ถูกเลิกจ้าง
- สร้างภาพพจน์และภาพลักษณ์ของบริษัทโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา บริษัทจะได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่ให้ความใส่ใจพนักงานสูง ทำให้เชื่อว่าการพัฒนาและรักษาคนที่มีความสามารถรวมทั้งการสรรหาบุคคลต้องเป็นไปอย่างยุติธรรมและเหมาะสมเช่นกัน
- ลดความเสี่ยงอันอาจจะเกิดจากความรุนแรงในที่ทำงาน หรือการฟ้องร้องที่เกิดจากความโกรธเครียดแค้น ความโกรธ ความกังวลของพนักงานที่มีผลกระทบจากการถูกบอกเลิกจ้างโดยที่ปรึกษาที่มีความชำนาญจะเป็นผู้ให้ความรู้ เตรียมพวกเขาให้เดินหน้าเพื่อความมั่นคงในอาชีพต่อไป
- เพิ่มขวัญและกำลังใจให้กับพนักงานที่ยังคงทำงานกับบริษัทต่อไปอีกด้วย เพราะทุกคนจะมองว่าบริษัทปฏิบัติต่อเพื่อน ๆ ของเขาอย่างให้เกียรติและใส่ใจ
- ที่สำคัญบริการ Outplacement ช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการว่างงานในภาพรวมหรืออาจจะหมายถึงการว่างงานเชิงโครงสร้างซึ่งมีผลต่ออัตราการว่างงาน ค่าใช้จ่ายจากการว่างงานและประกันการว่างงาน จากการที่พวกเขาเหล่านั้นอาจจะตัดสินใจทำงานน้อยลงเพราะเชื่อว่างานใหม่อาจจะทำให้ได้ค่าจ้างน้อยกว่าเดิม ทำให้อัตราประกันการว่างงาน (Unemployment Insurance) สูงขึ้น ดังนั้นการให้บริการ Outplacement จะช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถหางานใหม่ได้เร็วกว่าจากการที่เริ่มหางานด้วยตัวเองแบบไร้ทิศทาง ไม่รู้แนวทางในการหางาน ไม่เข้าใจกระบวนการสรรหาบุคคลในปัจจุบัน และไม่มีกลยุทธ์ในการต่อสู้กับคู่แข่ง ยิ่งพวกเขาเหล่านั้นได้งานเร็วเท่าไรยิ่งช่วยลดอัตราประกันการว่างงาน (Unemployment Insurance) มากขึ้น รวมทั้งอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) อีกด้วย
- บริการ Outplacement ช่วยลดอัตราการลาออกของพนักงาน (Turnover Rate) ในเชิงสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัท และสร้างความมั่นคงในอาชีพให้กับพนักงานที่ยังคงทำงานอยู่และเข้าใจดีว่าถ้าบริษัทมีการปรับลดพนักงานและมีผลกับพวกเขา ๆ ก็ยังคงได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทอยู่ ซึ่งแนวคิดนี้ช่วยลดอัตราการลาออกและยังคงไว้คนที่มีความสามารถอีกด้วย
แหล่งอ้างอิงจากการทำ Workshop ของมหาวิทยาลัยในอเมริกาสรุปว่า พนักงานที่มีผลกระทบจากการถูกออกจากงานที่เข้ารับบริการ Outplacement สามารถจัดการความเครียดและความกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าและช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญและความใส่ใจของที่ปรึกษาแต่ละคนด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับจูนการให้คำปรึกษาต้องตรงตามความต้องการของลูกค้าโดยที่ต้องแสดงถึงความเหมาะสมในตลาดและคุณสมบัติของพวกเขาเหล่านั้นด้วย ดังนั้นการเลือกบริษัทที่ให้บริการด้านนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง และโปรแกรมต่างเหล่านี้ช่วยให้
- ทำให้พนักงานเหล่านี้ได้งานเร็วมากขึ้น
- สามารถมีรายได้ที่มั่นคง
- ช่วยเพิ่มศักยภาพและความมั่นใจในตัวเองของพนักงานเหล่านี้ผ่านการฝึกอบรม
- อาจจะช่วยสานฝันให้เป็นเจ้าของกิจการได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามผลจากการทำ workshop แสดงให้เห็นว่าพนักงานเหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเพราะ
- ไม่เข้าโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง
- ไม่ใช้เครื่องมือหรือระบบที่มีเตรียมไว้ให้อย่างเต็มที่
- เข้าร่วมโปรแกรมช้าเพราะรอรับเงินชดเชยก่อน
- ไม่ร่วมการฝึกอบรมออนไลน์ต่างที่ทางบริษัทที่ให้บริการ Outplacement จัดให้
ข้อเสียของการจัดให้มีความช่วยเหลือในด้าน Outplacement ก็น่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ผลลัพย์ที่ได้ย่อมสูงกว่าตัวเงินที่ลงไปแน่นอน และอาจจะมีการแข่งขันกันเองในกรณีที่พนักงานมีตำแหน่งหรือทำงานในแผนกเดียวกัน
ที่สุดแล้วบริการ Outplacement คือหนทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้พนักงานที่มีผลกระทบเล่านี้ได้มีโอกาสได้งานใหม่อีกครั้ง ซึ่งอาจจะเทียบเท่าหรือแม้กระทั่งดีกว่างานก่อนหน้านั้นอีกด้วย
LHH (Lee Hecht Harrison) เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Outplacement และ Career Transition ดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งให้บริการในการช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างหรือต้องเปลี่ยนสายอาชีพภายในองค์กรและนอกองค์กร
LHH มีบริการ Outplacement และ Career Transition ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของพนักงานทุกระดับ ที่ต้องการพัฒนาอาชีพใหม่ให้สามารถก้าวข้ามขั้นตอนที่ท้าทายของการเปลี่ยนงานหรืออาชีพได้อย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จโดยทีมที่ปรึกษาจาก LHH จะให้คำปรึกษาในเรื่องการพัฒนาทักษะและการเตรียมตัวสำหรับการสมัครงาน อาทิเช่น เทคนิคการสัมภาษณ์งาน การเขียนประวัติการทำงานอย่างย่ออย่างฉบับมืออาชีพ ทราบถึงข้อมูลตลาดงานในปัจจุบัน การสร้างเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ และอื่น ๆ เพื่อให้พนักงานเริ่มต้นในสายงานใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ [email protected] หรือโทร 022586930-35