ได้ยินคนบ่นเยอะมากเลยว่า ส่ง resume ออกไปแต่เงียบหมดเลย และถ้า resume ไม่ได้รับการพิจารณา ขั้นตอนต่อไปคือการได้สัมภาษณ์คงไม่ต้องพูดถึง โอกาสยิ่งแทบจะไม่มี เป็นเพราะอะไรเหรอ มาลองดูว่าคุณมีความเข้าใจเหล่านี้หรือไม่
- ไม่รู้ว่าแนวโน้มการหางานในปัจจุบันเป็นอย่างไร
- รูปแบบ Resume
- Resume ไม่มี Key word
- Resume เต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่ต้องการ
- Resume มีข้อมูลที่ไม่ควรใส่ เพราะเท่ากับเป็นการตัดโอกาสในการได้สัมภาษณ์
บริษัทที่ให้บริการด้าน Outplacement มีกระบวนการ มีขั้นตอน และมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ มีความเข้าใจทั้งความต้องการของตลาดแรงงาน และกระบวนการการทำงาน และการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ ซึ่งจะทำให้ Resume ของผู้สมัครมีความโดดเด่น สร้างภาพพจน์ของผู้สมัครที่น่าสนใจ และนำไปสู่การสัมภาษณ์ซึ่งคือโอกาสที่จะได้งานใหม่
แนวโน้มการหางานในปัจจุบัน
หลาย ๆ คนอาจจะไม่ได้สมัครงานมานานมากแล้ว ก็เลยยังทำเหมือนที่เคนผ่านมา เอา Resume เก่ามาเติมประสบการณ์ล่าสุดถึงปัจจุบันแล้วส่งสมัครงานเลย โดยที่ไม่รู้เลยว่าในปัจจุบันวิธีการ ระบบที่ใช้เปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน มีกี่คนที่จะศึกษาแต่ละแพลตฟอร์มว่าพัฒนาตัวเองไปถึงไหนแล้ว ยกตัวอย่างใช้ JobsDB ที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีและใช้กันมาตลอด แต่ไม่เคยมีใครสนใจว่าทำไม JobsDB ถึงมี by seek ต่อท้ายด้วย และก็ยังคงทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ
ในความเป็นจริงคือ ทุกแพลตฟอร์มได้มีการนำ AI เข้ามาใช้ เพื่อช่วยให้การสรรหาพนักงานตรงตามความต้องการของบริษัทมากที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุดในการสรรหา และที่สำคัญสามารถเก็บข้อมูลในที่เดียวและนำมาใช้ในอนาคตได้อีกด้วย จึงเป็นที่มาว่านักพัฒนาระบบจึงคิดค้นกระบวนการทางเทคโนโลยีมาขาย เพื่อลดกระบวนการสรรหาภายในองค์กร โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ ๆ LinkedIn เป็นแพลตฟอร์มแรก ๆ เลยที่นำ AI มาใช้และประสบความสำเร็จมานานกว่า 20 ปีแล้ว By Seek ก็เป็น AI ในขณะที่ SAP และ Oracle รวมทั้ง Workday ก็ได้พัฒนาระบบเพื่อให้องค์กรได้นำมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และในส่วนของการคัดครอง Resume เป็นส่วนที่กระทบกับผู้สมัครงานสูงสุด ทำให้ Resume จึงถูกคัดออกสูงถึง 98% ในองค์กรระดับโลกที่มีคนอยากร่วมงานด้วยมาก ๆ จากข้อมูลใน LinkedIn
ดังนั้นเราต้องทำความเข้าใจว่า AI ใช้ในการคัดกรอง Resume อย่างไร
การทำงานของ AI คือการสแกนข้อมูลใน Resume เปรียบเทียบกับ Job description ของงานที่เปิดรับสมัคร ถ้าพบว่าผลลัพธ์ออกมาน้อยกว่า 80% บริษัทก็จะคัดทิ้งโดยไม่แม้แต่จะเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล ดังนั้นบริษัท Outplacement มีความเข้าใจการทำงานของ AI ซึ่งในกระบวนสรรหาจะเรียกว่า ATS เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ผู้สมัครมีโอกาสผ่านการคัดกรองเบื้องต้น (First Screen)
รูปแบบ Resume
เป็นส่วนต่อเนื่องจากการคัดกรองเบื้องต้น (First screen) เนื้อหาใน Resume โดดเด่นขนาดไหน แต่ถ้า AI ไม่สามารถอ่านได้เนื่องจากจากการที่แบ่ง Resume เป็นคอลัมน์บ้าง ใช้เป็นตารางต่าง ๆ บ้าง ใช้กราฟิกแสดงทักษะและความสามารถบ้าง หรือใช้ตัวหนังสือที่ชอบและซื้อมาเพื่อสร้างความสวยงามและทันสมัย ทำในรูปแบบ Power Point บ้าง
รูปแบบ Resume และตัวอักษรที่ใช้อาจจะดูน่าเบื่อแต่เป็นสิ่งที่ AI อ่านได้เพราะ AI เองก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง และการออกแบบเองก็จะต้องเน้นให้ตรงกับสแตนดาร์ดมากกว่าจะต้องปรับเพื่อให้ตรงกับความสวยงามเพียงอย่างเดียว
ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่ให้บริการด้าน Outplacement จะมีความเข้าใจและให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ Resume ผ่านการคัดกรองเบื้องต้น
Key word resume
ได้เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าถ้าการคัดกรองผ่าน AI ไม่ถึง 80% บริษัทก็จะทิ้ง Resume นั้นไปเลย แล้ว 80% มาจากไหน วัดจากอะไร
ก็คงต้องตอบว่าวัดจากการเปรียบเทียบ Keywords จาก Resume กับ Job description และคำที่เป็น Keywords ในแต่ละบริษัทก็เรียกต่างกันโดยเฉพาะเพื่อให้เข้าใจกว้างขวางขึ้นในอุตสาหกรรมนั้น ๆ
ดังนั้นการที่เราเขียนจากใช้ Keywords จากที่ทำงานเดิมแต่ถ้าไม่ตรงกับ Job Description ก็ทำให้การ matching ลดน้อยลงและก็มีส่วนทำให้เปอร์เซ็นต์ลดลงไปด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังคงต้องพิจารณามากยิ่งขึ้น เช่น Resume เราตรงกับ JD สูงถึง 80% แล้วแต่มีคนที่สามารถทำให้ตรงกันได้สูงถึง 100% ซัก 5-6 คนก็ถือว่าเพียงพอต่อการเรียกสัมภาษณ์แล้ว บริษัทอาจจะดูเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในช่วง 95% ขึ้นไปด้วย หรืออาจจะไม่แม้แต่พิจารณา ดังนั้นต้องพยายามทำให้ตรงกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผู้เชี่ยวชาญจะมีความชำนาญในการให้แนะนำและบอกได้ถึงควรจะเขียน Resume ไปในทางไหน มีแนวทางอย่างไรเพื่อให้ผู้อ่านสนใจ และทำให้เราเข้าใจได้เลยว่านอกจาก keywords แล้ว สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญกับตำแหน่งนี้มีอะไรอีกบ้างซึ่งอาจจะดูเหมือนเป็นภาพรวมของตำแหน่งนั้น ๆ อีกด้วย เพื่อทำให้ Resume ตรงตามความต้องการทั้งหมด
ข้อมูลที่ไม่ต้องการใน Resume
การเขียน Resume ต้องรวบรัด กระชับ ได้ใจความหลัก และต้องไม่ยาวเกิน เพราะในความจริงคนไม่สนใจอ่านเรื่องเหล่านั้น และข้อมูลที่คนส่วนใหญ่มักจะใส่ เพราะเห็นคนทั่วไปใส่ เช่น Personal Data จากการสำรวจผู้อ่านไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นไปมากกว่าความสามารถ ความถนัด ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่สามารถนำมาปรับใช้ในตำแหน่งที่สมัครได้เลย
Personal data เช่นวันเกิด สถานะภาพสมรส หรือศาสนา บางคนใส่แม้กระทั่งกรุ๊ปเลือด และใช้หน้ากระดาษในหน้าแรกไปเกือบค่อนหน้ากับข้อมูลไม่จำเป็น เหล่านี้ทำให้ Resume กลายเป็นคำฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ผู้สมัครมีความเข้าใจและคำนึงถึงความสำคัญที่ต้องเตรียม แต่จะใส่เมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ข้อมูลที่ต้องไม่ใส่ใน Resume
มีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ควรใส่ เพราะเท่ากับเป็นการตัดโอกาสในการได้สัมภาษณ์ เช่น รูปถ่าย อายุ เงินเดือนและบุคคลอ้างอิง ซึ่งแน่นอนเป็นข้อมูลที่บริษัทต้องการทราบเป็นสิ่งแรก ๆ เลยทีเดียว แต่เราควรจะให้ข้อมูลนั้นในสถานการณ์และจังหวะที่เหมาะสม เช่น
- การใส่รูป โดยเฉพาะรูปจาก photo shop หรือใช้ application ซึ่งอาจจะดูแตกต่างไปจากตัวจริงอย่างมาก ถ้าตัวจริงดูดีกว่าก็จะเป็นการเพิ่มความน่าสนใจ แต่ถ้ารูปดูดีกว่า จะเป็นการลบภาพที่ผู้สัมภาษณ์คาดไว้ที่จะต้องเจอ ทำให้เกิดภาพลบในการเจอกันครั้งแรก ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำว่าควรต้องเตรียมตัวอย่างไร เมื่อไหร่ควรจะใส่รูปถ่ายใน Resume และในปัจจุบันบริษัทยอมรับ Resume ที่ไม่มีรูปอย่างกว้างขวาง อีกทั้งบริษัทยังสามารถตรวจเช็คประวัติของเราได้จาก LinkedIn อีกด้วยซึ่งก็สามารถเห็นรูปจาก LinkedIn
- การใส่อายุ เช่น ในประกาศแจ้งไว้อายุไม่เกิน xx ปี แต่เราเกินมา 1-2 ปี และอยากลองสมัคร ถ้าระบุอายุ ผู้อ่านจะมองว่าเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นคุณสมบัติที่ระบุไว้ สมัครมาเพื่ออะไร แต่ถ้าเราเล็งเห็นโอกาสเพราะงานตรงกับคุณสมบัติเราเป็นอย่างยิ่ง เราควรสมัครเพื่อให้ได้โอกาสในการสัมภาษณ์ซึ่งจะเป็นเวลาที่เราแสดงถึงความสามารถของเราในการสัมภาษณ์ ที่เหลืออยู่ที่ผู้สัมภาษณ์จะเป็นผู้ตัดสินใจจะรับเราจากความสามารถ หรืออายุ ดังนั้นการใส่อายุใน Resume จึงเท่ากับเป็นการตัดโอกาสพูดคุย ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำว่าควรจะตอบในการสัมภาษณ์อย่างไร เพื่อให้ดูเหมาะสม
- เงินเดือน การระบุเงินเดือน ช่วยให้บริษัทใช้เป็นโอกาสสำคัญในการคัดทิ้ง การใส่เงินเดือนถ้าสูงเกินบริษัทสะดวกที่จะไม่พิจารณาเพราะไม่มีประโยชน์ที่จะมาต่อรอง แต่ถ้าเงินเดือนต่ำก็ทำให้เราเสียเปรียบ ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เราเตรียมตัวการต่อรองเงินเดือนที่เหมาะสม ตามความต้องการทั้งของเราและตลาด ทำให้เราไม่ถูกคัดออกในรอบคัดกรองเบื้องต้น (First Screen or pre-screen)
- บุคคลอ้างอิง เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ความน่าเชื่อถือจะหายไปในทันที เมื่อบริษัทโทรเช็คกับบุคคลอ้างอิงและบุคคลอ้างอิงไม่ได้มีเวลาเตรียมตัว อาจทำให้เราพลาดโอกาสทั้ง ๆ ที่ควรจะได้งานแล้ว
ที่กล่าวมาดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มีความสำคัญสูงขนาดที่เราไม่ได้ถูกรับเลือกให้ไปสัมภาษณ์งานทั้งที่ โดยภาพรวมเรามีคุณสมบัติตรงกับลักษณะงานที่ประกาศไว้ทุกประการ
การปรับ Resume ให้ตรงกับ JD จึงเป็นความสำคัญอันดับที่หนึ่งเพราะ เป็นประตูแรกที่นำเราไปสู่การสัมภาษณ์งาน ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ที่ช่วยให้เราออกแบบ Resume ปรับข้อมูล รวมทั้งเน้นความเชี่ยวชาญ ความสามารถและประสบการณ์ที่ตรงกับลักษณะงานได้อย่างเหมาะสม เป็นจริง และปรับการเขียนให้กระชับ ชัดเจน และโดดเด่น เพื่อให้สามารถข้ามประตูไปสู่การสัมภาษณ์งาน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะตัดสินว่าเราจะได้งานหรือไม่
LHH (Lee Hecht Harrison) เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Outplacement และ Career Transition ดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งให้บริการในการช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างหรือต้องเปลี่ยนสายอาชีพภายในองค์กรและนอกองค์กร สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ [email protected] หรือโทร 022586930-35