การถูกบอกเลิกจ้างเป็นเรื่องปกติที่ทั่วโลกปฏิบัติกันเมื่อมีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้แทนแรงงานคน หรือการลดขั้นตอน หยุดการผลิตสินค้านั้นเพราะไม่ได้เป็นที่ต้องการของตลาดอีกต่อไปแล้วหรือการย้ายแหล่งผลิตซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารทางธุรกิจ
สำหรับในประเทศไทยจริง ๆ แล้วการถูกบอกเลิกจ้างถือเป็นการปฏิบัติกันมานานอยู่มากกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้กันในบริษัทข้ามชาติเพราะบริษัทเหล่านั้นเชื่อว่าลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างถือเป็นคนที่ทำประโยชน์ให้กับนายจ้างมาก่อนหน้านั้นโดยเฉพาะคนที่อยู่มานาน ซึ่งมีเกิดขึ้นเป็นระยะขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจของนายจ้าง
ผลกระทบจาก Covid 19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกและเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ทำให้การถูกบอกเลิกจ้างเลยดูเหมือนเป็น Norm ใหม่ บวกกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งการใช้ AI ทำงานแทนได้อย่างครบถ้วน ทำให้ตำแหน่งงานบางอย่างจึงต้องถูกลดหรือตัดออกจากผังองค์กร
ประเทศไทยเองโดนผลกระทบจาก Covid 19 อย่างแรงเช่นเดียวกัน ส่งผลให้บางบริษัทอาจจะแค่ปรับโครงสร้าง บางบริษัทถึงกับต้องปิดตัวไปอย่างถาวร หรือแม้แต่บริษัทข้ามชาติเองก็เลือกที่จะปิดสาขาในประเทศต่าง ๆ หรือผนวกกิจการและลดตำแหน่งที่ทับซ้อน หรือโอนงานไป HUB ซึ่งทุกอย่างส่งผลต่อการเลิกจ้างงานได้ทั้งสิ้นไม่ต่างจากทั่วโลกในขณะนั้น และผลกระทบต่อคนที่ถูกบอกเลิกจ้างค่อนข้างสูง และลูกจ้างเองก็เป็นกังวลกับอนาคตที่ไม่ได้เป็นผู้เลือก บางคนถึงกับกลายเป็นเกิดโรคซึมเศร้าเพราะ ไม่ได้วางแผนการเงินไว้สำหรับอนาคต และการออกจากงานครั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบแค่ตัวลูกจ้าง แต่กระทบไปถึงครอบครัวของลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างอีกด้วย ความกังวลที่ถาโถมเข้ามา ไหนจะเป็นทางด้านจิตใจ จะบอกคนในครอบครัวอย่างไร บอกคนที่รู้จักอย่างไร จะถูกมองว่าทำงานไม่ดี ไม่สร้างผลงานจึงถูกให้ออก ทางด้านการเงิน ต้องใช้เวลาเท่าไรในการหางานใหม่ เงินที่ได้มาจะเพียงพอระหว่างรอการหางานหรือไม่ จะจ่ายหนี้สินภาระที่มีอย่างไร ต้องหางานใหม่ต้องทำอย่างไรบ้าง
โดยปกติการหางานก็ต้องเตรียม Resume แล้วก็สมัครไปตามที่เลือกไว้ แล้วก็รอสัมภาษณ์ เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในช่วงนั้นลูกจ้างเองก็กังวลเหมือนกันว่าความต้องการตำแหน่งงานน่าจะน้อยกว่าคนที่ต้องการสมัครยิ่งสร้างความไม่มั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับนายจ้างเรา ก็คงเหมือนกับนายจ้างคนอื่นเช่นเดียวกัน แต่พอส่ง resume ออกไปแล้ว เงียบ!!! ไม่ถูกเรียก เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นอีก คนส่วนใหญ่ก็จะนึกโกรธบริษัทที่ทำแบบนี้กับพวกเขาซึ่งยังไม่พร้อมจะเจอสถานการณ์แบบนี้เลย เพราะยังเคยชินกับการอยู่ใน Comfort zone ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทำงานในสิ่งที่คุ้นชินให้ผ่านไปได้ด้วยดี รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านายและทีมงานต่างฝ่ายต่างแผนก ก็น่าจะเป็นการทำงานที่คนส่วนใหญ่ฝันและอยากเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อถูกบอกเลิกจ้าง ความรู้สึกคงเหมือนฟ้าผ่าลงมาและทำให้เกิดความสับสน ชีวิตการทำงานจบลงตรงนี้หรือป่าวนะ
จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตครั้งหนึ่งเลยที่เดียว หรืออาจจะเป็น wake up call ของอีกหลาย ๆ คนที่จะเปลี่ยนและยังไม่ทันได้เปลี่ยนก็มาถูกบอกเลิกจ้าง คนที่พร้อมเดินหน้าต่อมาก ๆ จะถือเป็นจุดจบที่พึ่งเริ่มต้นสำหรับภาคต่อไปของชีวิต
เมื่อเป็นจุดจบจากอีกที่หนึ่งก็ต้องถือเป็นการเริ่มต้นใหม่กับอีกที่หนึ่ง แต่ในโลกปัจจุบันขั้นตอนการหางานยังคงเหมือนเดิมคือต้องส่ง Resume รอเรียกสัมภาษณ์ ถ้าทำได้ดีก็สามารถที่จะเริ่มงานใหม่ได้ซึ่งอาจจะใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ต้องปรับตัวก่อนเพื่อให้การเริ่มต้นครั้งใหม่เป็นการเริ่มต้นที่ดีกว่าเดิม เหมาะกว่าเดิม ตรงกับความถนัดมากกว่าเดิม แต่ความกังวลในขั้นตอนการเขียน Resume คือการเอาของเก่ามาปรับฝุ่น เขียนเพิ่มสิ่งทำในองค์กรสุดท้าย แล้วก็สมัครออนไลน์ส่ง resume ไปกับ Job Board ที่คุ้นเคย
ขั้นตอนถัดไปคือการสัมภาษณ์น่าจะเป็นที่กังวลมาก ควรจะบอกผู้สัมภาษณ์ว่าอย่างไร ถ้าบอกตรงจะทำให้ถูกมองว่าเพราะทำผลงานได้ไม่ดีหรือเปล่า และจะทำให้ถูกกดเงินเดือนหรือไม่ หรือธุรกิจที่มีความชำนาญถูกลดความสำคัญลง ทำให้ตลาดแรงงานเฉพาะทางที่มีน้อยอยู่แล้วจะยิ่งน้อยลงไปหรือเปล่า และอีกคำถามอีกมากมายที่ยิ่งลดทอนความมั่นใจในการสมัครงานลดลงไปด้วย
ถ้าทุกอย่างเป็นไปเช่นนั้นก็คงจะสามารถหางานด้ายใน 1-2 เดือนจากนี้ แต่ไม่มีอะไรตอบกลับมา ส่งออกไปหลายที่ก็เงียบ แล้วต้องทำอย่างไร เพื่อให้ได้งานเร็วที่สุด แล้วคนอื่นที่ได้งานแล้วเขาทำอย่างไร และทำไมถึงได้งาน และงานก็ดีกว่าเดิม เงินเดือนก็สูงขึ้นอีกด้วย ความกังวลเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เกิดเป็นสภาวะทางอารมณ์ที่ไม่เสถียรเป็นเหมือนคลื่นที่ขึ้นสูงสุด เพราะเราเกิดความหวัง และก็หายวับไปกับกระแสน้ำสร้างคำถามให้ตัวเอง สร้างทัศนคติลบ และลดทอนความมั่นใจในตัวเอง ด้อยค่าตัวเองมองว่าไม่เก่ง ทำไม่ได้
ถ้าเรามีการวางแผนกำหนดกลยุทธ์การหางานให้กับตัวเอง เพื่อให้มีความเข้าใจตัวเองว่าต้องการอะไร ควรทำงานประเภทไหน เลือกอุตสาหกรรมใดได้บ้าง แนวโน้มทางธุรกิจที่เลือกเป็นอย่างไร ต้อง Upskill / reskill อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ และมีความชำนาญในเรื่องใด ๆ บ้าง มีความเป็นผู้นำที่จะหางานในตำแหน่งที่สูงขึ้น
นอกจากนั้นจำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจว่าในปัจจุบันกระบวนการสรรหาบุคคลากรมีการใช้เครื่องมืออะไรบ้าง แหล่งหางานมีที่ไหนบ้าง มีเงื่อนไขอะไรบ้างในตลาดแรงงานที่ควรต้องรู้ มี Social Media อะไรบ้างที่ช่วยสร้างตัวตนทางด้านอาชีพที่จะเป็นแหล่งให้คนมารู้จัก
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ บริษัทที่ให้บริการด้าน Outplacement ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง บริษัทฯ เองก็ต้องพัฒนาทั้งด้านข้อมูล เก็บสถิติของคนที่ได้งาน ช่องทางไหน ระยะเวลาในการหางาน พนักงานระดับไหน และธุรกิจประเภทไหน เพื่อให้ลูกจ้างที่ได้มีโอกาสเข้าอบรมสามารถที่จะได้งานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ผ่านกระบวนการที่มีการพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง
มหาวิทยาลัยในอเมริกาถึงกับทำการทดลองให้อาสาสมัครเข้าสัมมนา โดยวัดผลจากคนที่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่บริษัทที่ให้บริการด้าน Outplacement อย่างเคร่งครัดและมีการทำการบ้านต่ออย่างสม่ำเสมอ สามารถได้งานสูงกว่าอาสาสมัครที่ไม่สนใจที่จะทำตามขั้นตอนที่ควรทำ และผลลัพธ์ออกมาว่าอาสาสมัครเหล่านี้ ไม่ได้งานในตำแหน่งที่ดีกว่า หรือสูงกว่า และบางคนกลับได้งานที่จ่ายน้อยกว่างานเดิมอีกด้วย
ในประเทศไทยเอง คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยทราบว่ามีบริษัทที่ให้บริการด้าน Outplacement แต่องค์การข้ามชาติให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก และจัดโปรแกรมเหล่านี้ให้กับพนักงานของเขาเหล่านั้น เพื่อช่วยให้ลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างสามารถได้งานเร็วขึ้น ไม่เป็นภาระของสังคม ไม่กลายเป็นโรควิตกกังวล หรือซึมเศร้า แต่หลังจากผลกระทบของ Covid19 รัฐบาลไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือทั้งลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างเพื่อให้การถูกบอกเลิกจ้างเป็นไปอย่างยุติธรรม และนายจ้างว่าการเลิกจ้างเหมาะสมด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ทำให้การบริการด้าน Outplacement เป็นที่รู้จักมากขึ้น
การให้บริการด้าน Outplacement จึงถือเป็นการช่วยทำให้จุดจบที่พึ่งเริ่มต้นให้เป็นการเริ่มต้นอย่างมีเป้าหมาย ใช้เวลาน้อยที่สุด โดยที่ยังคงอยู่ในขอบเขตและเป้าหมายทางอาชีพใหม่ที่ตั้งไว้
บริการด้าน Outplacement มีอะไรบ้าง
- การให้บริการด้าน Outplacement จะเริ่มตั้งแต่ให้คำปรึกษาในการกำหนดเป้าหมายในอาชีพใหม่ให้เหมาะกับความสามารถ ความชำนาญ และประสบการณ์ที่มีอยู่ ถ้าไม่แน่ใจที่ปรึกษาจะช่วยประเมินเบื้องต้นให้ หรือทำ assessment เพื่อให้เข้าใจตัวเองได้ดีมากยิ่งขึ้น ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานในปัจจุบัน และแนวโน้มของธุรกิจนั้น หรืออาจจะต้อง Upskill / reskill เพื่อให้ได้งานตามที่ตั้งเป้าไว้
- การให้คำปรึกษาวิธีการเขียน Resume แสดงถึงความสามารถของผู้เขียน โดยไม่เกินจริง
- การให้คำแนะนำการใช้ social media ทั้งเป็นการเปิดโปรไฟล์ในสื่อ การหางานออนไลน์และช่องทาง social media
- การให้คำแนะนำในการกำหนดประเภทของธุรกิจ ซึ่งอาจจะขยายวงกว้างกว่าลักษณะงานที่ทำในบริษัทเดิม บริษัทกลุ่มเป้าหมาย และช่องทางในตลาดแรงงาน
- การให้คำแนะนำในการวางแผนการสมัครงาน การติดตามผล การสร้างเครือข่าย
- การให้คำแนะนำในการสัมภาษณ์ในแต่ละช่วงเช่น pre-screening, screening, deep round with line manager and high management
- การให้คำแนะนำการต่อรองเงินเดือน
- การให้คำแนะนำเมื่อต้องปฏิเสธงานที่เสนอให้
- การให้คำแนะนำการปรับตัวเมื่อได้งาน
โปรแกรมของบริการด้าน Outplacement สามารถที่จะปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เข้ารับการอบรม และสามารถเลือกเวลาที่จะพูดคุยกับที่ปรึกษา รวมทั้งข้อสงสัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหางาน
การที่ถูกบอกเลิกจ้างนั่นหมายถึงเงื่อนไขของลูกจ้างในขณะนั้นไม่เหมาะสมกับงานที่นั้นอีกต่อไปแล้ว จึงถือเป็นจุดจบ แต่การเริ่มต้นที่เกิดขึ้นใหม่จึงเป็นการเริ่มต้นที่มีความหมายเพราะได้งานใหม่ที่เหมาะกับผู้ที่ได้เข้ารับการอบรมมากยิ่งขึ้น จึงถือเป็น “จุดจบที่พึ่งเริ่มต้น”
LHH (Lee Hecht Harrison) เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Outplacement และ Career Transition ดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งให้บริการในการช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างหรือต้องเปลี่ยนสายอาชีพภายในองค์กรและนอกองค์กร
LHH มีบริการ Outplacement และ Career Transition ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของพนักงานทุกระดับ ที่ต้องการพัฒนาอาชีพใหม่ให้สามารถก้าวข้ามขั้นตอนที่ท้าทายของการเปลี่ยนงานหรืออาชีพได้อย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จโดยทีมที่ปรึกษาจาก LHH จะให้คำปรึกษาในเรื่องการพัฒนาทักษะและการเตรียมตัวสำหรับการสมัครงาน อาทิเช่น เทคนิคการสัมภาษณ์งาน การเขียนประวัติการทำงานอย่างย่ออย่างฉบับมืออาชีพ ทราบถึงข้อมูลตลาดงานในปัจจุบัน การสร้างเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ และอื่น ๆ เพื่อให้พนักงานเริ่มต้นในสายงานใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ [email protected] หรือโทร 022586930-35