ที่เป็นอยู่คือ “หมดไฟ” หรือ “เจอทางตัน” ในสายงาน  

Published on
Written by

ก่อนที่จะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพต่อไปของตัวเอง เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ต้องทำความเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วตอนนี้ คุณกำลังเผชิญกับสภาวะ “ทางตัน” หรือ “หมดไฟ” กับงาน ถ้าหากเป็น “ทางตัน” นั่นหมายถึงว่ากำลังเกิดความรู้สึกสับสนหรือขัดแย้งเพิ่มขึ้นทวีคูณในการเลือกเส้นทางอาชีพ เป็นความรู้สึกที่ไม่เห็นทั้งผลงานและความก้าวหน้าในงานที่ทำอยู่ แต่ “หมดไฟ” อาจจะเป็นเพียงสัญญาณบางอย่างที่แสดงความต้องการการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจุดนี้ คุณแก้ไขมันได้ง่ายเพียงเติมพลังให้กับตัวเอง

เงินเดือนหรือสุขภาพจิต?

การทำงานเพื่อเงินเดือนไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้คนต่างต้องการรู้สึกถึงแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ และได้เห็นถึงผลลัพธ์ของงานที่พวกเขาได้ทำ มากไปกว่านั้น พวกเขาต้องการให้นายจ้างให้ความสำคัญในด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellbeing) ของพนักงาน สำหรับ “การหมดไฟ” จะเกิดขึ้นเมื่อผู้คนมีความเครียดทางกาย ทางใจและทางด้านอารมณ์เป็นระยะเวลานาน จนเกิดปัญหาสภาวะทางจิตใจทางสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ ในที่สุดจึงเกิดการสร้างข้อจำกัดในการทำงานขึ้นมา รู้สึกว่าผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ ทั้งที่ความเป็นจริงนั้น อาจไม่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทำงานของตัวบุคคลเลย

 

ถึงเวลาที่ต้องปรับแนวคิดแล้วหรือยัง

ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดนี้ใหม่ ไม่เช่นนั้น จะไม่เป็นเพียงแค่ “หมดไฟ” แต่จะกลายเป็น “ทางตัน” แทน เนื่องด้วยการขาดโอกาสและแรงบันดาลใจที่จะเติบโต รวมถึงการที่จะสร้างความท้าทายในการทำงาน ท้ายที่สุดสิ่งนี้จะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนลาออกจากงานเป็นจำนวนมาก

ในความจริงนั้น “การหมดไฟ” เกิดจากความรู้สึกที่ควบคุมอะไรไม่ได้ ความคาดหวังในงานก็ไม่ชัดเจน ไร้ซึ่งอิสระหรือความมั่นคงในการทำงาน มีค่านิยมที่ไม่ตรงกันและปัจจัยอื่น ๆ โดยทั่วไปนั่นคือสัญญาณว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะหลาย ๆ อย่างก็ได้ ดังนั้น เมื่อเกิดอาการหมดไฟ คุณควรปล่อยให้ตัวเองได้มีช่วงเวลาเติมเต็มพลังงาน ได้รีเซตตัวเองเพื่อให้สามารถกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ให้พร้อมประเมินตัวเองใหม่อีกครั้ง บ่อยครั้งนักที่จะพบว่าผู้คนตระหนักว่าตัวเองยังสนุกกับการทำงานอยู่ แต่แค่มีบางประเด็นที่อยากให้เกิดการแก้ไขหรือพัฒนาเพื่อทำให้การทำงานดูน่าพึงพอใจและสามารถจัดการได้ดีมากยิ่งขึ้น

ส่วน “ทางตัน” ในสายงาน แสดงถึงบางสิ่งที่ขัดแย้งมากขึ้นทวีคูณกับเส้นทางอาชีพ เป็นความรู้สึกว่างเปล่า ไร้ซึ่งแรงบันดาลใจ ไม่สนุกกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำในชีวิตการทำงาน ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เกิดความคิดที่จะหาเส้นทางอื่น ๆ หรือหยุดทำอาชีพนั้นไปเลยเพื่อให้ตัวเองได้ค้นหาว่าจริง ๆ แล้วเราเหมาะกับอะไร และอะไรที่สามารถเติมเต็มชีวิตได้ดีกว่า

 

3 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณถึงทางตันในสายงานแล้ว

สำคัญเป็นอย่างมากที่ต้องแยกความรู้สึกให้ได้ว่าคุณกำลังประสบอะไรกันแน่ ระหว่าง “หมดไฟ” กับ “เจอทางตัน” ในสายงาน ก่อนที่คุณจะตัดสินใจผลีผลามลาออกจากงานทั้งที่อาจแก้ไขปัญหาบางอย่างได้ มาดู 3 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอยู่ในทางตันในสายงาน และอาจต้องการค้นหาสิ่งใหม่ให้กับตนเอง

1/ ที่ทำงานไม่ได้สนใจเป้าหมายระยะยาวของคุณ

ผู้จัดการควรหาเวลาทำความเข้าใจว่าพนักงานแต่ละคนเหมาะกับอะไร แน่ใจว่าพวกเขาเข้าใจตัวเองและมีความมุ่งมั่นในอาชีพของตัวเอง ความต้องการการเป็นอยู่ที่ดี พร้อมที่จะสนับสนุนให้เขาประสบความสำเร็จก้าวหน้าต่อไป

2/ ไม่มีความท้าทายในชีวิตการทำงาน

เพื่อให้ผู้คนยังคงพอใจและมีความสุขในงานที่ทำอยู่ ความท้าทายมักจะมาในรูปแบบของโอกาสในการเติบโตก้าวหน้าในชีวิตการงานรวมทั้งโอกาสในการเรียนรู้มากกว่าเกิดความเครียดจากการทำงานหนักเกินไป หรือผลงานไม่เป็นไปตามคาด หรือไม่ได้รับการสนับสนุน

3/ ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกลังเลหวาดกลัวทุกครั้งในวันทำงาน แปลว่าต้องมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่สนุกกับงานที่เคยสร้างความตื่นเต้นให้คุณมาก่อน และยิ่งถ้าไม่มีหนทางอื่นให้เติบโตในสายงานความกระตือรือร้นก็คงค่อยๆ มอดไป นั่นแสดงว่าคุณถึงทางตันในสายงานแล้ว หรือสัญญาณอีกอย่างหนึ่งคือแนวโน้มที่บริษัทเปิดรับบุคคลภายนอกแทนที่จะพิจารณาเฟ้นหาบุคคลภายในก่อน ทำให้เสียโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งภายในองค์กร

 

บุคลากรที่มีความชำนาญกลายเป็นสิ่งที่หายากยิ่งขึ้น และพวกเขาเองก็เล็งเห็นโอกาสมากกว่าคนอื่น ๆ ในตลาดแรงงาน เป็นที่เข้าใจกันมากขึ้นว่าตำแหน่งผู้จัดการจำเป็นต้องมีความพร้อมในการสนทนาเพื่อช่วยให้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน แก้ปัญหาของความเหนื่อยหน่าย และช่วยวางแผนเส้นทางอาชีพ กระตุ้นให้พนักงานของพวกเขาได้อยู่ต่อและเติบโตในองค์กรเพื่อหลีกเลี่ยงการลาออกที่ไม่จำเป็น

 

Resource: Is This Burnout or a Dead End? Know the Difference